เมื่อเรานึกถึงวัสดุที่นิยมนำมาสร้างบ้าน หรือตกแต่งบ้านที่นิยมกันมาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบันก็คงหนีไม่พ้น “ไม้” เนื่องจากสามารถใช้งานได้หลากหลาย แถมลวดลายยังสวยงามอีกด้วย ถึงในปัจจุบันจะมีวัสดุที่หลากหลายมากขึ้น แต่ไม้ยังคงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกลำดับต้น ๆ ที่ทุกบ้านนิยมเลือกใช้มาสร้างบ้าน หรือตกแต่งบ้านให้สวยงาม เนื่องจากไม้เป็นวัสดุธรรมชาติที่มีลวดลาย สีสัน และผิวสัมผัสที่ดี ให้ความรู้สึกอบอุ่น และมีเสน่ห์ที่เปี่ยมล้น และการเลือกไม้ให้เหมาะสมกับการใช้งานนั้นเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ โดยไม้ที่นิยมนำมาใช้ มีดังนี้
1. ไม้สัก
ไม้สัก สามารถที่จะนำมาใช้งานได้แทบทุกอย่างเท่าที่ไม้เนื้อแข็งชนิดอื่น ๆ จะทำได้ เช่น นำมาใช้ในงานก่อสร้าง และโครงสร้างของที่อยู่อาศัย ใช้ทำดาดฟ้าเรือ ใช้ทำเครื่องเรือน และใช้ในการแกะสลักได้อย่างสวยงาม ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือไม้สักยังมีความต้านต่อปลวก เชื้อรา เห็ดต่าง ๆ ทนต่อกรด ไม่ทำให้เหล็กเป็นสนิม เพราะน้ำมันที่อยู่ในเนื้อไม้มีคุณลักษณะพิเศษ ตลอดทั้งทนทานต่อลมฟ้าอากาศที่จะทำลายเนื้อไม้ ดังจะเห็นได้จากสภาพของโบสถ์ วิหารที่มีอายุหลายร้อยปีที่สร้างขึ้นด้วยไม้สักในจังหวัดต่าง ๆ ในภาคเหนือของไทย
ไม้สักป่าปลูก หรือไม้สักสวนป่า คือ ไม้สักที่ปลูกในพื้นที่เอกชน หรือที่เราเรียกกันว่าพื้นที่ น.ส.3 ก. อายุของไม้ 30-40 ปี จัดเป็นไม้สักที่มีราคาย่อมเยา เนื่องจากสภาพของไม้จะมีเนื้อของแกนไม้น้อย มีกระพี้ มีตาไม้ค่อนข้างเยอะ เพราะเลื่อยจากซุงต้นเล็ก มักจะนำมาทำเฟอร์นิเจอร์ที่มีขนาดเล็ก และราคาไม่สูงมากนักจัดเป็นไม้เกรด B
ไม้สักแปรรูป เลื่อยจากซุงต้นใหญ่จากป่าธรรมชาติอายุประมาณ 100 ปี เป็นไม้นำเข้าจากประเทศพม่า 100% ในประเทศไทยไม่มี เนื่องจากปลูกทดแทนไม่ทันต่อความต้องการการใช้งาน มีลวดลาย และสีสวยงาม เนื้อไม้แกร่ง และทนทาน เพราะเลื่อยจากไม้ต้นใหญ่ มีราคาสูง นิยมนำมาทำเป็นวงกบประตู หน้าต่าง โต๊ะที่ต้องการโชว์ลายไม้ เป็นไม้เกรด A++
2. ไม้แดง
ลักษณะไม้มีสีน้ำตาลเข้มอมแดง ผิวลายไม้มีความชัดเจน เนื้อไม้มีความแข็งแรง ทนทาน มีราคาแพง และสัมผัสผิวลาย สีสันของไม้ที่มีความสวยงาม ทำให้นิยมนำมาใช้ในส่วนประกอบโครงสร้างที่เห็นได้ชัด เช่น พื้น วงกบประตู หน้าต่าง แต่ไม่นิยมนำมาทำเฟอร์นิเจอร์ เพราะเนื้อไม้มีความแข็ง ทำให้ขัดแต่งได้ยาก
3. ไม้เต็ง
เนื้อไม้มีสีน้ำตาลอ่อน ค่อนข้างแห้ง และละเอียด ทนทานต่อดินฟ้าอากาศ เมื่อหดตัวมักแตกเป็นลายงา เลื่อยตัดยากเมื่อแห้ง เหมาะกับงานภายนอก และส่วนที่ใช้รับน้ำหนัก หรือเป็นโครงสร้าง เช่น เสา คาน ตง สะพาน บันได
4. ไม้รัง
เนื้อละเอียดปานกลาง สีน้ำตาลอมเหลือง เนื้อไม้ เมื่อแห้งแตกค่อนข้างน้อย คุณสมบัติอื่น ๆ เหมือนไม้เต็ง
5. ไม้ยาง
เป็นไม้เสี้ยนใหญ่ หยาบ และอ่อน เหมาะกับการใช้ในที่ร่ม เนื่องจากมียางมาก แห้งตัวช้า และยืดหดตัวสูง เมื่อหดตัวยางจะปะทุออกจากเนื้อไม้ เมื่อตอกตะปู เนื้อไม้จะแตกได้ง่าย เลื่อยซอยง่าย เนื้อไม้สีแดงเข้ม จะแข็งแรงกว่าไม้สีอ่อน
6. ไม้ตะแบก
เนื้อไม้สีน้ำตาลอ่อนอมเหลือง สีไม้อ่อนที่สุดในบรรดาไม้ในประเทศ จึงสามารถนำไม้ไปย้อมสีตามที่ต้องการได้ง่าย ลายไม้เรียกได้ว่ามีความสวยงามใกล้เคียงกับไม้สัก และทำการไสตกแต่งได้ง่าย แต่ในขณะเดียวกัน หากโดนความร้อน หรือความชื้น ก็สามารถบิด และโก่งตัวได้ง่ายเช่นกัน จึงนิยมนำมาใช้งานภายในเท่านั้น เช่น พื้นบ้าน บานประตู